ประวัติpic

  • ชื่อ: ศุภรสิริ ศิริวิริยะกุล
  • ชื่อเล่น: แจ๊ค
  • อายุ: 23 ปี
  • การศึกษา: สำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาตรี จากคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง เหรียญทอง เกรดเฉลี่ยสะสม 4.00

text1

 

พี่มีความประทับใจอะไรในคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชีคะ

พี่รู้สึกว่าคณะบัญชีเป็นเหมือนบ้านหลังใหญ่ที่ผู้คนในบ้านมีความรัก เอื้ออาทรต่อกัน ในบ้านหลังนี้จะมีอาจารย์ ผู้ซึ่งเป็น “ผู้ให้” มากกว่าแค่ความรู้ในห้องเรียนเท่านั้น โดยจะคอยแนะนำสิ่งต่างๆ ที่มีประโยชน์ในการใช้ชีวิต มีพี่ๆเจ้าหน้าที่ที่คอยดูแลเอาใจใส่ตลอดเวลา มีเพื่อนๆรุ่นเดียวกันที่คอยช่วยเหลือกันในเรื่องต่างๆ รวมถึงรุ่นพี่และรุ่นน้องที่น่ารัก สิ่งต่างๆเหล่านี้ทำให้ช่วงเวลาสี่ปีในรั้วมหาวิทยาลัยเป็นช่วงเวลาที่มีคุณค่า และแม้จะเรียนจบจากที่นี่ไปแล้ว พี่ก็ยังรู้สึกผูกพันกับบ้านหลังนี้เสมอ

ทราบมาว่าพี่ได้ทุนไปเรียนต่อที่เบิร์กเลย์ อยากทราบว่าทุนนี้คือทุนอะไร และทุนนี้มีเกณฑ์อย่างไรในการคัดเลือกคะ

ทุนนี้เป็นทุน fellowship ที่ Haas School of Business, UC Berkeley มอบให้กับนักเรียนที่ได้รับการคัดเลือกเข้าศึกษาในระดับปริญญาเอกทุกคน ซึ่งในสาขาที่พี่เรียนคือ Accounting จะรับไม่เกินปีละ 3 คน ทุนนี้มีเงื่อนไขคือจะต้องมีผลการเรียนดี สำหรับเกณฑ์การคัดเลือกจึงเป็นเกณฑ์เดียวกับที่ใช้คัดเลือกรับนักเรียนเข้าศึกษาต่อ ซึ่งจะพิจารณาจากผลการเรียนในอดีต Recommendation letter จากอาจารย์ และ คะแนนสอบ TOEFL กับ GMAT ด้วยค่ะ

การเรียนที่คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชีที่จุฬาลงกรณ์ฯ มีส่วนช่วยให้พี่ได้รับทุนนี้อย่างไรบ้าง

อย่างแรกคือหลักสูตรที่พี่เรียนที่คณะบัญชีจุฬาฯถือว่าเป็นสาขาที่ตรงกับสาขาที่พี่สมัครเข้าเรียน ดังนั้นจึงได้เปรียบในเรื่องพื้นฐานความรู้ นอกจากนี้ พี่ได้รับความช่วยเหลือจากอาจารย์ที่คณะบัญชีจุฬาฯเป็นอย่างมาก ทั้งในเรื่องคำแนะนำต่างๆสำหรับการเรียนต่อ ว่าจะต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง ควรเลือกสถานที่เรียนต่ออย่างไร ตลอดจนการช่วยเหลือในเรื่องการเขียน Recommendation letter ด้วย

พี่ต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้างในการชิงทุน และใช้ระยะเวลาเตรียมตัวนานแค่ไหนคะ

เนื่องจากการชิงทุนเป็นส่วนหนึ่งของขั้นตอนการเลือกรับนักเรียนเข้าศึกษาต่อ พี่จึงจะขอตอบคำถามว่าเตรียมตัวสมัครเรียนต่ออย่างไรบ้าง พี่ใช้เวลา 3 เดือนหลังจากจบการศึกษาปริญญาตรีในการเตรียมตัว โดยเริ่มจากการค้นหาหลักสูตรที่เราอยากจะศึกษาต่อ ด้วยการค้นหาจากเว็บไซด์ของมหาวิทยาลัยต่างๆ เมื่อคัดเลือกได้แล้ว ก็เริ่มดู requirement ว่าแต่ละที่ต้องการเอกสารอะไรบ้างในการสมัคร ซึ่งส่วนมากจะคล้ายกัน คือ จะต้องมี คะแนน GMAT, TOEFL, resume, transcript และ recommendation letter จากนั้นพี่ก็เริ่มเตรียมเอกสารเหล่านี้ให้ครบโดยเริ่มจากสิ่งที่ต้องใช้เวลานานก่อน เช่น คะแนน GMAT และ TOEFL ซึ่งจะต้องมีการจองวันสมัครสอบล่วงหน้า ต้องมีเวลาในการเตรียมตัวอ่านหนังสือสอบ รวมทั้งเวลาที่คอยผลคะแนนสอบหลังจากสอบเสร็จแล้วช่วงหนึ่ง นอกจากนี้การขอrecommendation letter จากอาจารย์ก็จะต้องเผื่อเวลาให้อาจารย์มีเวลาเขียนด้วย หลังจากนั้นจึงค่อยเตรียมเอกสารที่เหลือในเวลาถัดมา และส่งเอกสารเหล่านี้ให้ทันกำหนดเวลาของแต่ละที่ค่ะ

อยากให้พี่ช่วยเล่าประสบการณ์ในการเรียนที่เบิร์กเลย์คร่าวๆ

ที่เบิร์กเลย์มีเพื่อนๆนักเรียนคนไทยอยู่จำนวนหนึ่ง ส่วนมากเป็นนักเรียนทุน โดยคนไทยที่ Berkeley ก็จะช่วยเหลือซึ่งกันและกัน บางทีก็จะจัดกิจกรรมร่วมกัน ทำให้การเรียนที่นี่ไม่รู้สึกเหงา สำหรับใน business school มีนักเรียนในระดับปริญญาเอกรวมทุกชั้นปี 82 คนแต่ไม่มีนักเรียนไทยคนอื่นเลย การเรียนในปีที่ผ่านมานั้นใช้ความรู้ทางคณิตศาสตร์ในระดับสูงค่อนข้างมาก โดยจะมีการปูพื้นฐานในช่วง 3 อาทิตย์แรกของการเรียน ในช่วงนั้นยอมรับว่าต้องปรับตัวอย่างมาก การเรียนช่วงนั้นค่อนข้างลำบาก แต่หลังจากที่ผ่านไปได้ก็เริ่มดีขึ้นตามลำดับ

การที่พี่ไม่ได้ศึกษาในระดับป.โทเป็นอุปสรรคต่อการไปศึกษาต่อป.เอกหรือไม่ แล้วพี่แก้ปัญหานี้อย่างไรคะ

ก็มีบ้างค่ะ โดยเฉพาะวิชาที่ใช้ความรู้ทางคณิตศาสตร์ขั้นสูง วิธีแก้ปัญหาคือ เราก็ต้องอ่านหนังสือเยอะกว่าคนอื่น นอกจากนี้ การเรียนที่เบิร์กเลย์จะมี study group ทั้งกับคนไทยที่เรียนด้วยกันในวิชาที่เรียนรวม และ กับเพื่อนๆต่างชาติในวิชาที่เรียนใน business school

พี่คิดว่าอะไรเป็นปัจจัยที่ทำให้พี่มาถึงจุดนี้คะ

สำหรับพี่แล้ว สิ่งที่ขาดพี่ไม่ได้คือ ครอบครัว ทั้งคุณพ่อคุณแม่ที่เลี้ยงดูสั่งสอนอย่างดีตั้งแต่เล็กจนโต พี่สาวและน้องสาวที่คอยให้กำลังใจ นอกจากนี้สังคมโรงเรียนและมหาวิทยาลัย ก็มีส่วนสำคัญอย่างมากที่ทำให้พี่มีวันนี้ได้ เพราะพี่ได้รับความเมตตาจากอาจารย์อย่างที่ได้กล่าวไปแล้ว

พี่ได้วางแผนอนาคตไว้อย่างไรบ้าง แล้วคิดว่าจะทำอย่างไรเพื่อให้ไปถึงเป้าหมายนั้น

พี่ตั้งใจที่จะเป็นอาจารย์ เพราะ พี่อยากให้ความรู้ พี่เชื่อว่าการให้ความรู้ถือเป็นการทำบุญอันยิ่งใหญ่ นอกจากนี้พี่อยากจะทำธุรกิจส่วนตัว เพราะนักธุรกิจที่ดีจะช่วยสังคมในวงกว้างได้มาก จากนี้ไปพี่จะพยายามเก็บเกี่ยวประสบการณ์ในระหว่างที่ศึกษาในระดับปริญญาเอกนี้ ทั้งในด้านการเรียน การสอน การทำวิจัย และจะพยายามมุ่งมั่นต่อไปจนจบการศึกษา

คติประจำใจในการดำเนินชีวิตของพี่คืออะไรคะ

ทำวันนี้ให้ดีที่สุดค่ะ

สุดท้ายนี้อยากให้พี่แสดงความเห็นเกี่ยวกับหลักสูตรของคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาฯค่ะ

หลักสูตรของบัญชีจุฬาฯเป็นหลักสูตรที่มีทั้งความกว้าง คือ ครอบคลุมในหลายด้าน ไม่ได้รู้แค่บัญชี และความลึก คือ ความรู้ในด้านบัญชีค่อนข้างละเอียดมาก ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่ดีเพราะนักบัญชีที่ดี ควรจะต้องเข้าใจการดำเนินงานในด้านต่างๆของธุรกิจควบคู่ไปด้วยกับความรู้ บัญชี พี่คิดว่าความรู้ที่ได้จากหลักสูตรถือว่าสมบูรณ์แบบมากในการทำงาน audit firm และเป็นพื้นฐานที่ดีสำหรับการทำงานในสายงานทางธุรกิจโดยเราจะต้องรู้จักนำ ความรู้ที่เรียนมาประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมในเวลาทำงาน สำหรับการเรียนในระดับปริญญาเอก ความรู้ด้านบัญชีถือว่าครบมาก พี่ไม่มีปัญหาเลยในการเรียน หรืออ่านบทความวิจัยต่างๆทางด้านบัญชี สิ่งที่หลักสูตรของบัญชีจุฬาฯอาจจะไม่เน้นมากเท่าไรนักคือความรู้ด้าน คณิตศาสตร์ในระดับสูง ซึ่งทำให้ตอนไปเรียนจะต้องขยันเป็นพิเศษ อย่างไรก็ตามพี่คิดว่า บัณฑิตที่จบไปส่วนใหญ่เข้าทำงานใน audit firm ดังนั้น พี่คิดว่าหลักสูตรในปัจจุบันนี้เหมาะสมแล้วค่ะ